การทำงานกับชุมชน ในประเด็นแผ่นดินไหว โดย รศ. ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ มูลนิธิมดชนะภัย
1. การปรับปรุงความปลอดภัยของบ้านเรือน :
– มูลนิธิได้พัฒนาและสร้างบ้านที่ใช้โครงสร้างเหล็กซึ่งทนต่อแผ่นดินไหว นี่ไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นคงของบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยในกรณีเกิดแผ่นดินไหว.
2. การเสริมสร้างศักยภาพชุมชน :
– การฝึกอบรมช่างท้องถิ่นไม่เพียงช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างบ้านที่ทนต่อแผ่นดินไหวได้เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างงานและพัฒนาทักษะในชุมชน ซึ่งส่งผลให้ชุมชนนั้นสามารถพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น.
3. การเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ :
– โครงการต่างๆ เช่น การสร้างแผนที่เสี่ยงภัยระดับชุมชนช่วยให้ประชาชนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับพื้นที่เสี่ยงในชุมชนของตน สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาเตรียมตัวและปฏิบัติการเมื่อเกิดภัยพิบัติ.
4. การสร้างความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม
– การมีส่วนร่วมของชุมชนในการสร้างและออกแบบโครงการต่างๆ เช่น การเลือกผู้ที่จะได้รับบ้าน ช่วยให้มั่นใจว่ามีความยุติธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคมในการจัดสรรทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด.
งานวิจัย ข้อมูลของแผ่นดินไหว
1. ความเข้าใจเกี่ยวกับแผ่นดินไหว :
– การเข้าใจสาเหตุและการกระจายของแผ่นดินไหวช่วยให้ประชาชนเข้าใจถึงความเสี่ยงในพื้นที่ต่างๆ และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือได้อย่างเหมาะสม.
2. การปรับปรุงความแข็งแรงของอาคาร :
– การออกแบบอาคารให้ทนต่อแผ่นดินไหวเป็นสิ่งสำคัญ โดยใช้เทคนิคการเสริมความแข็งแรงให้กับอาคารที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งการออกแบบอาคารใหม่ให้สามารถทนต่อแผ่นดินไหวได้.
3. การใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการประเมินความเสี่ยง :
– การใช้ข้อมูลทางธรณีวิทยาและการจำลองสถานการณ์เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนสามารถเตรียมตัวและวางแผนรับมือได้ดียิ่งขึ้น.
4. การร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ :
– การเปิดเผยข้อมูลและการวิจัยเกี่ยวกับแผ่นดินไหวให้กับหน่วยงานรัฐและประชาชนทั่วไป ช่วยให้ทุกฝ่ายสามารถร่วมมือกันในการเตรียมพร้อมและลดผลกระทบจากภัยพิบัติ.
โอกาสของรอยเลื่อน โดย ดร.วีระชาติ วิเวกวิน กรมทรัพยากรธรณี
1. ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับแผ่นดินไหวและรอยเลื่อน :
– การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของแผ่นดินไหวและวิธีการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อนทางธรณีวิทยา สามารถช่วยให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่มีความเตรียมพร้อมเพิ่มขึ้นและสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีขึ้น.
2. การประเมินความเสี่ยงและการเตรียมพร้อม :
– ผู้อยู่อาศัยควรทราบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อการวางแผนที่อยู่อาศัยและการสร้างสรรค์สิ่งปลูกสร้างที่มั่นคงและปลอดภัยในกรณีเกิดแผ่นดินไหว.
3. การสร้างอาคารด้วยมาตรฐานที่เหมาะสม :
– สำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อแผ่นดินไหว เช่น จังหวัดเชียงราย การออกแบบและก่อสร้างอาคารควรตรงตามมาตรฐานที่สามารถรับแรงสั่นสะเทือนได้ดีเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย.
4. การศึกษาและการแก้ไขพื้นที่เสี่ยงภัย :
– ผู้อยู่อาศัยควรมีการศึกษาและทำความเข้าใจถึงพื้นที่เสี่ยงที่อยู่รอบตัวพวกเขา เช่น น้ำพุร้อนและรอยแยกตามธรณีวิทยา ซึ่งเป็นสัญญาณของการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อน.
5. การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา :
– รอยเลื่อนและลักษณะธรณีสัณฐานอาจถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น น้ำพุร้อน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ประชาชนท้องถิ่นมีรายได้จากการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาในพื้นที่ด้วย.
เตรียมพร้อม รับมือ โดย อรภา สะอาดเอี่ยม ผู้อำนวยการศูนย์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
- การเตรียมความพร้อมและการฝึกอบรม :
– การมีความรู้และการฝึกอบรมเกี่ยวกับการรับมือแผ่นดินไหวเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรวมถึงการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ฉุกเฉินและการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงและการป้องกันตัวเองเมื่อเกิดแผ่นดินไหว.
2. การใช้เครื่องมือเตือนภัยและการซ้อมแผน :
– การใช้เทคโนโลยี เช่น รถสาธิตแผ่นดินไหวเคลื่อนที่ สามารถช่วยให้ประชาชนเข้าใจและฝึกซ้อมการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจริง.
3. การรณรงค์และเผยแพร่ความรู้ :
– การให้ความรู้และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการรับมือกับแผ่นดินไหวสู่ชุมชนต่างๆ เพื่อเพิ่มความตระหนักและเตรียมความพร้อมให้กับทุกคนในพื้นที่เสี่ยง.
4 . การพัฒนาและใช้งานแผนฉุกเฉิน :
– มีการกำหนดแผนการตอบสนองฉุกเฉินที่ชัดเจนและการฝึกซ้อมแผนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทุกคนในชุมชนสามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุจริง.