การพัฒนาเมืองด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ การพัฒนาเมืองด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ โดย รศ.ดร.พีรดล แก้วลาย

ในงานเสวนา Chiangrai Creature TALK: การพัฒนาเมืองด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ และการพัฒนาเมืองด้าน Wellness/Wellbeing City ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Chiangrai Sustainable Design Week รศ.ดร.พีรดล แก้วลาย ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ และอาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการนำกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) มาใช้ในการพัฒนาเมือง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเมืองเชียงราย ให้สามารถเติบโตเป็นเมืองที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน และเป็นเมืองที่ดึงดูดผู้คนที่มีความสามารถจากทั่วทุกมุมโลก

การพัฒนาเมืองด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานจริง แต่ยังเป็นการสร้างเมืองที่มุ่งเน้นไปที่สุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness/Wellbeing) ของประชาชน การเสวนานี้ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของเมืองเชียงรายในการเป็นเมืองสร้างสรรค์ที่ไม่เพียงแค่คำนึงถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมืองเป็นสำคัญ

 

การพัฒนาเมือง: ไม่ใช่แค่หน้าที่ของรัฐบาลกลาง

การพัฒนาเมืองไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียงหน้าที่ของรัฐบาลส่วนกลางหรือผู้บริหารเมืองเพียงฝ่ายเดียว แต่ควรเป็นภารกิจร่วมกันของทุกคนในชุมชน ดังที่ รศ.ดร.พีรดล แก้วลาย ได้กล่าวไว้ในงานเสวนาว่า “การพัฒนาเมืองเป็นเรื่องของทุกคน บางครั้งท่านนายกฯ คิดอะไรมา โปรเจกต์อะไรมา แล้วสุดท้ายอาจจะไม่มีคนมาใช้ก็ได้” คำพูดนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบและพัฒนาเมือง เพราะหากการออกแบบและพัฒนานั้นไม่คำนึงถึงผู้ใช้งานจริง มันอาจจะไม่ตอบสนองต่อความต้องการและไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน

นอกจากนี้ รศ.ดร.พีรดล ยังเน้นย้ำว่า “แนวคิดการพัฒนาเมืองสมัยใหม่ ทำอย่างไรที่จะให้ผู้ใช้งานหรือว่าประชาชนไปเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบเมือง” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาเมือง กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำประชาชนเข้ามามีบทบาทในทุกขั้นตอนของการพัฒนาเมือง ตั้งแต่การคิดค้นไอเดีย การทดลองทำต้นแบบ ไปจนถึงการประเมินและปรับปรุงให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของผู้คนในชุมชน

ในท้ายที่สุด การพัฒนาเมืองที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจของบุคคลหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นผลลัพธ์ของการร่วมมือกันระหว่างประชาชนและผู้บริหารเมือง ซึ่งจะนำมาซึ่งการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง

เชียงราย: เมืองที่ต้องการการพัฒนาเพื่ออนาคต

เชียงรายเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวหรือประวัติศาสตร์ แต่เพื่อให้เมืองนี้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในอนาคต การพัฒนาจึงจำเป็นต้องก้าวข้ามการอนุรักษ์สิ่งที่มีอยู่และมุ่งสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ตอบสนองต่อความต้องการของคนรุ่นใหม่ รศ.ดร.พีรดล แก้วลาย ได้กล่าวไว้ว่า “ปัจจุบันผมคิดว่าทุกจังหวัดต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ดังนั้นทำอย่างไรที่เชียงรายจะเก็บคนเก่งไว้ได้ จะดึงดูดคนเก่งให้มาทำงานที่เชียงราย” คำพูดนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่เชียงรายต้องเผชิญ หากเมืองนี้ต้องการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

อีกทั้ง รศ.ดร.พีรดล ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนาเมืองเพื่ออนาคต โดยกล่าวว่า “เมืองที่ดีจะเป็นเมืองที่เก็บคนเก่งไว้ได้ เป็นเมืองที่ดึงดูดคนเก่งให้มาใช้ชีวิต มาทำธุรกิจ การพัฒนาเมืองจึงจำเป็นต้องมองถึงอนาคตของเมือง โดยเอาคนรุ่นใหม่มาช่วยกันคิดว่า เมืองในอนาคตที่พวกเราจะอาศัยอยู่ควรจะเป็นอย่างไร” แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนาเมืองเชียงรายไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างพื้นที่หรือโครงสร้างใหม่ ๆ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่สามารถสนับสนุนการอยู่อาศัยและการทำงานของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้เมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ยั่งยืนในอนาคต

 

กระบวนการคิดเชิงออกแบบ: การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยการนำทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียมาร่วมกันคิด วิเคราะห์ และทดลองแนวทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะลงมือปฏิบัติจริง รศ.ดร.พีรดล แก้วลาย ได้อธิบายไว้ว่า “หลายครั้งนะครับผู้บริหารเมืองเนี่ย เริ่มโปรเจคจากการมีไอเดียที่ดีนะครับ คิดแล้วทำเลย ทำเร็ว เส้นยุ่งเหยิงสุดท้ายต้องไปแก้ปัญหาทีหลัง “ คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของการพัฒนาเมืองที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการคิดอย่างรอบคอบ ซึ่งมักนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากโครงการเริ่มดำเนินการแล้ว ซึ่งทั้งเสียเวลาและทรัพยากร

กระบวนการคิดเชิงออกแบบจึงเข้ามาช่วยในส่วนนี้ โดยการ “เชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมา มาอยู่บนโต๊ะเดียวกัน ทะเลาะกันให้จบ แล้วสุดท้ายได้ข้อสรุปว่าควรจะทำอะไรขึ้นมา” ซึ่งหมายความว่าปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังจะถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาและแก้ไขตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การทดลองทำต้นแบบ (Prototype) ก็เป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการนี้ ที่ช่วยให้แนวคิดใหม่ ๆ ถูกทดสอบและปรับปรุงก่อนที่จะลงมือทำจริง

นอกจากนี้ รศ.ดร.พีรดล ยังกล่าวว่า “ปัญหามันจะกองอยู่ตอนแรก สุดท้ายจะใช้ได้” ซึ่งหมายความว่าการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยการใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ทำให้โครงการที่ถูกพัฒนาผ่านกระบวนการนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่า นี่เป็นเหตุผลที่กระบวนการคิดเชิงออกแบบถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเมืองอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”

ตัวอย่างความสำเร็จจากต่างประเทศและในประเทศ

การพัฒนาเมืองด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ได้รับการยอมรับและนำไปใช้อย่างกว้างขวางทั่วโลก โดยมีตัวอย่างความสำเร็จทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทยที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกระบวนการนี้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน รศ.ดร.พีรดล แก้วลาย ได้ยกตัวอย่างจากต่างประเทศว่า “ในเมืองเบอร์มิงแฮม เขาต้องแข่งกับลอนดอน ปกติคนเก่งจบการศึกษามาอยู่ในลอนดอน ทำอย่างไรที่จะดึงดูดคนเก่งไว้ได้ ผู้บริหารเมืองก็ต้องพัฒนาย่านพัฒนาเมืองไปขีดเส้นเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ” แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้เพื่อทำให้เมืองเบอร์มิงแฮมสามารถแข่งขันกับลอนดอนได้ โดยการสร้างพื้นที่ที่สามารถดึงดูดคนเก่งและนักสร้างสรรค์เข้ามาอาศัยและทำงาน

ในส่วนของประเทศไทย รศ.ดร.พีรดล ได้กล่าวถึงโครงการที่เจริญกรุงในกรุงเทพฯ ซึ่งใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบในการพัฒนาเมืองว่า “ก่อนที่ TCDC จะไปตั้งตึกไปรษณีย์ ก็ทำ Prototype ต้นแบบ 1 ต่อ 1 เลยนะครับ เราก็ทดสอบเก็บข้อมูลว่าเราจะทำจริงหรือเปล่า ก่อนที่จะดึงงบประมาณมาทำแบบเป็นโครงสร้างถาวร” โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการทดลองทำต้นแบบก่อนจะช่วยลดความเสี่ยงและประหยัดงบประมาณได้ โดยการนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานจริง

 

ทั้งนี้ การนำกระบวนการคิดเชิงออกแบบไปใช้ในหลายเมืองทั่วโลกและในประเทศไทย ได้พิสูจน์แล้วว่าการพัฒนาเมืองที่มีประสิทธิภาพนั้น ไม่เพียงแค่เกิดจากการมีแนวคิดที่ดี แต่ยังต้องผ่านการทดสอบ ปรับปรุง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้คนในชุมชนเพื่อให้มั่นใจว่าโครงการต่าง ๆ นั้นจะประสบความสำเร็จและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง

เชียงราย: เมืองสร้างสรรค์ระดับโลก

เชียงรายไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แต่ยังได้รับการยอมรับในระดับโลกในฐานะเมืองสร้างสรรค์ โดยการได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งในเมืองสร้างสรรค์ระดับโลก รศ.ดร.พีรดล แก้วลาย ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเป็นเมืองสร้างสรรค์ว่า “การได้เป็นเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกอันนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนเหมือนกัน ทำให้เมืองเชียงรายเนี่ยเป็นเมืองที่เชื่อมโยงกับเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์” คำพูดนี้เน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของเชียงรายในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์กับเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก

การเป็นเมืองสร้างสรรค์ยังหมายถึงการที่เชียงรายต้องมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผ่านความคิดสร้างสรรค์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเมือง การพัฒนาชุมชน หรือการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับคนรุ่นใหม่ รศ.ดร.พีรดล ยังได้เน้นย้ำว่า “การเป็นเมืองสร้างสรรค์ก็จะเป็นอีกพื้นที่แพลตฟอร์มหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้เมืองมีโอกาสที่จะเชื่อมต่อกับเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก” ความสำคัญของการเชื่อมต่อในระดับโลกนี้ทำให้เชียงรายมีบทบาทที่สำคัญในการเป็นศูนย์กลางทางความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ การเป็นเมืองสร้างสรรค์ยังมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องส่งรายงานให้กับ UNESCO เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาเมือง รศ.ดร.พีรดล ได้กล่าวเตือนว่า “ถ้าเราไม่ทำตามที่เราสัญญาไว้ในใบสมัคร เราอาจจะไม่ได้เป็นต่อ” ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการรักษาสถานะเมืองสร้างสรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาเกียรตินี้

ดังนั้น การที่เชียงรายได้รับการยอมรับให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ระดับโลก ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับในศักยภาพของเมืองนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เชียงรายได้แสดงบทบาทสำคัญในเวทีนานาชาติ โดยการสร้างสรรค์และพัฒนาเมืองที่ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อความต้องการของคนในท้องถิ่น แต่ยังสามารถเชื่อมโยงและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเมืองอื่น ๆ ทั่วโลก